บทความทั้งหมด

สุขภาพทางเพศ
หูดข้าวสุก (Molluscum contagiosum): โรคผิวหนังติดต่อที่หลายคนคิดว่าไม่อันตราย แต่แพร่ได้ง่ายมาก
หูดข้าวสุกคืออะไร?
เกิดจากเชื้อไวรัส Molluscum contagiosum virus (MCV) ในตระกูลเดียวกับเชื้อก่อหูด เชื้อนี้จะทำให้เกิดตุ่มนูนเล็ก ๆ มีรอยบุ๋มตรงกลาง ลักษณะคล้าย “เมล็ดข้าวสุก”
อาการของหูดข้าวสุก
- ตุ่มนูนกลม ขนาด 2–5 มม.
- สีเนื้อหรือสีชมพูจาง
- มีรอยบุ๋มตรงกลาง (ลักษณะเฉพาะ)
- ไม่เจ็บ ไม่คัน อาจขึ้นเป็นกลุ่มในบริเวณ
- อวัยวะเพศ
- ต้นขา
- ท้อง
- คอ
- แขนขา
- ในผู้ใหญ่ ตำแหน่งที่พบบ่อยคือบริเวณอวัยวะเพศหรือต้นขาด้านใน
การติดต่อ
เชื้อนี้แพร่ได้ง่ายมาก โดยเฉพาะในคนผิวสัมผัสกันบ่อย เช่น
- การมีเพศสัมพันธ์
- การสัมผัสผิวต่อผิว
- ใช้ผ้าเช็ดตัว กางเกงใน หรือมีดโกนร่วมกัน
- การแกะตุ่มแล้วเชื้อกระจายสู่บริเวณอื่น
❗ เน้น: หูดข้าวสุกในผู้ใหญ่ ส่วนมาก “ติดต่อจากเพศสัมพันธ์ทางผิวหนัง”
การวินิจฉัย
แพทย์วินิจฉัยได้จากการดูรูปร่างตุ่มเป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องตรวจเลือด
หากสงสัยโรคอื่นร่วม เช่น หูดหงอนไก่ อาจพิจารณาตรวจเพิ่ม
วิธีการรักษา
แม้หูดข้าวสุกบางรายหายเองได้ แต่ใช้เวลานานถึง 6–12 เดือน และเสี่ยงแพร่กระจาย ดังนั้นมักแนะนำให้รักษา ได้แก่
- การจี้ไฟฟ้า (Electrocautery)
- การจี้ความเย็น (Cryotherapy)
- การขูดออก (Curettage)
- ยาทาเฉพาะจุด (ตามดุลยพินิจของแพทย์)
ระหว่างรักษา ควร
- หลีกเลี่ยงเพศสัมพันธ์
- ไม่เกาบริเวณตุ่ม
- แยกผ้าเช็ดตัวหรืออุปกรณ์ส่วนตัว
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
- การติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำจากการแกะหรือบีบ
- รอยดำหรือรอยแผลหลังจี้
- เชื้อกระจายขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่หากภูมิคุ้มกันต่ำ
การป้องกัน
- ใช้ถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่มีตุ่ม
- รักษาสุขอนามัยของผิว
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: หูดข้าวสุกเป็นอันตรายไหม?
ตอบ: ไม่ถึงชีวิต แต่รักษานานและแพร่กระจายง่ายมาก
ถาม: หายขาดไหม?
ตอบ: หายได้ แต่ต้องรักษาให้ตรงจุด และป้องกันการสัมผัสซ้ำ
ถาม: เกี่ยวกับโรคทางเพศไหม?
ตอบ: ในเด็กมักไม่เกี่ยว แต่ในผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสทางเพศ
หูดข้าวสุก: เรื่องใกล้ตัวที่แพร่ได้ง่ายกว่าที่คิด
ผลกระทบในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
แม้หูดข้าวสุกจะไม่อันตรายมากในคนทั่วไป แต่สำหรับ
- ผู้ป่วย HIV
- ผู้ที่ใช้ยากดภูมิ
- ผู้ป่วยมะเร็ง
- ผู้ที่พักผ่อนน้อยหรือเครียดเรื้อรัง
โรคนี้อาจ ลุกลามแรงและผื่นขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้รักษานานกว่าปกติ
ตุ่มอาจขยายใหญ่ขึ้นเป็นเซนติเมตร หรือกระจายเต็มหน้า ลำตัว ต้นขา และอวัยวะเพศ
ซึ่งจำเป็นต้องพบแพทย์เฉพาะทางผิวหนังเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย
❌ “คิดว่าเป็นสิว หรือผื่นแพ้ธรรมดา”
➡️ ความจริง: หูดข้าวสุกไม่เหมือนสิวตรงที่มี “รอยบุ๋มกลาง” และไม่ปวด
❌ “ทายาแก้สิว ยาฆ่าเชื้อ แล้วจะหายเอง”
➡️ ความจริง: ยาเหล่านี้ไม่ช่วย เนื่องจากเป็นเชื้อไวรัส ไม่ใช่แบคทีเรีย
❌ “หูดข้าวสุก = หูดหงอนไก่จาก HPV”
➡️ ความจริง: ตุ่มคนละแบบ โรคคนละชนิด การรักษาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
❌ “หูดข้าวสุกไม่เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์”
➡️ ในผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ “เกี่ยวโดยตรง” จากการสัมผัสผิวขณะมีเพศสัมพันธ์
การอยู่ร่วมกับผู้ที่เป็นหูดข้าวสุกอย่างปลอดภัย
หูดข้าวสุกแพร่ได้ง่ายมากผ่าน ผิวต่อผิว
ดังนั้นควรปฏิบัติดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสตุ่มโดยตรง
- ไม่ใช้ผ้าเช็ดตัว กางเกงใน มีดโกนร่วมกับผู้อื่น
- ซักเสื้อผ้าและชุดชั้นในด้วยน้ำร้อนหรืออบแดด
- หากขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ งดเพศสัมพันธ์จนกว่าจะรักษาหาย
เชื้อนี้ ไม่ติดต่อผ่านการจับมือ กอด หรือใช้ห้องน้ำร่วมกัน หากไม่มีการสัมผัสตุ่มโดยตรง
การดูแลหลังการรักษา
หลังจี้หรือขูดตุ่มออก ควร
- ล้างแผลวันละครั้ง
- ทายาฆ่าเชื้อตามแพทย์สั่ง
- หลีกเลี่ยงแดดหรือเหงื่อมากเพื่อลดรอยดำ
- ไม่แกะเกา
- ตรวจติดตามหากพบตุ่มใหม่
ส่วนใหญ่หายสนิทใน 1–2 สัปดาห์ แต่ต้องเฝ้าระวังการกระจายของตุ่มใหม่ในช่วง 1–3 เดือนแรก
กรณีที่ควรรีบพบแพทย์ทันที
- ตุ่มขยายใหญ่ผิดปกติ
- เป็นจำนวนมากบริเวณอวัยวะเพศหรือต้นขาด้านใน
- ตุ่มขึ้นทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว (อาจบ่งบอกภูมิคุ้มกันต่ำ)
- มีอาการอักเสบ บวมแดง เจ็บ หรือมีหนอง (ติดเชื้อซ้ำ)
- ไม่แน่ใจว่าเป็นหูดข้าวสุก หรือเป็นโรคทางเพศอื่น เช่น HPV/เริม
สรุปท้ายบทความ
หูดข้าวสุกเป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยและแพร่ได้เร็ว โดยเฉพาะในผู้ใหญ่ที่มีเพศสัมพันธ์ หากสังเกตเห็นตุ่มลักษณะ “กลม นูน มีรอยบุ๋มกลาง” ควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาให้ถูกต้อง
การดูแลตัวเอง การป้องกันการสัมผัสผิว และการตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ จะช่วยป้องกันการกลับเป็นซ้ำและป้องกันการแพร่เชื้อสู่คนใกล้ชิดได้