บทความทั้งหมด

สุขภาพทางเพศ

เชื้อ HPV และหูดหงอนไก่: เรื่องใกล้ตัวที่ควรรู้ก่อนจะสาย

เชื้อ HPV คืออะไร?

HPV คือไวรัสที่ติดต่อผ่านการสัมผัสทางเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นทางช่องคลอด ปาก หรือทวารหนัก ปัจจุบันพบว่ามีสายพันธุ์มากกว่า 100 ชนิด โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่

  • สายพันธุ์เสี่ยงต่ำ (Low-risk types): ทำให้เกิดหูดบริเวณอวัยวะเพศ เช่น HPV-6 และ HPV-11
  • สายพันธุ์เสี่ยงสูง (High-risk types): เช่น HPV-16 และ HPV-18 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก และมะเร็งคอหอย


อาการของหูดหงอนไก่
  • มีก้อนเล็ก ๆ สีชมพูหรือเทา อาจเรียงตัวคล้ายหงอนไก่
  • ไม่เจ็บ ไม่คัน แต่อาจรู้สึกระคายเคืองหรือมีกลิ่นอับ
  • ในบางรายอาจมีหลายตุ่มรวมกันเป็นปื้น
  • ในผู้ชายมักพบที่ปลายอวัยวะเพศหรือรอบทวารหนัก
  • ในผู้หญิงอาจพบที่แคมอวัยวะเพศ ช่องทางขับถ่าย หรือภายในช่องคลอด

อาการอาจไม่ชัดเจนในช่วงแรก ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่ามีเชื้อ HPV อยู่


การติดต่อของเชื้อ HPV
  • การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
  • การสัมผัสโดยตรงกับผิวหนังหรือเยื่อบุที่มีเชื้อ
  • การใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้ติดเชื้อ (เช่น ผ้าเช็ดตัวหรือกางเกงใน) แม้พบได้น้อย
  • การติดจากแม่สู่ลูกระหว่างคลอด


การวินิจฉัย

แพทย์สามารถวินิจฉัยได้จาก

  • การตรวจร่างกายทั่วไป เพื่อดูรอยโรค
  • การตรวจ Pap smear ในผู้หญิง เพื่อตรวจหาการเปลี่ยนแปลงของเซลล์
  • การตรวจหาเชื้อ HPV DNA เพื่อระบุสายพันธุ์ที่ติดเชื้อ


การรักษา

แม้ไม่มียาที่กำจัดเชื้อ HPV ออกจากร่างกายโดยตรง แต่สามารถรักษาอาการของ “หูดหงอนไก่” ได้ เช่น

  • การใช้ยาทาเฉพาะที่ (ตามแพทย์สั่ง)
  • การจี้ด้วยความเย็น (Cryotherapy)
  • การจี้ด้วยเลเซอร์ หรือการผ่าตัดกรณีรอยโรคใหญ่

อย่างไรก็ตาม เชื้ออาจกลับมาได้อีก หากภูมิคุ้มกันร่างกายยังอ่อนแอ


การป้องกัน
  • ฉีดวัคซีน HPV: ป้องกันได้ทั้งมะเร็งปากมดลูกและหูดหงอนไก่ ควรฉีดตั้งแต่อายุ 9–26 ปี
  • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง: แม้ไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่ลดความเสี่ยงได้มาก
  • ตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ โดยเฉพาะในผู้หญิงควรตรวจ Pap smear ตามคำแนะนำแพทย์
  • รักษาความสะอาดอวัยวะเพศ และไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ถาม: หูดหงอนไก่หายขาดได้ไหม?
ตอบ: อาการหูดสามารถรักษาให้หายได้ แต่เชื้อ HPV อาจยังคงอยู่ในร่างกายและกลับมาได้อีก

ถาม: ผู้ชายควรฉีดวัคซีน HPV หรือไม่?
ตอบ: ควร เพราะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและแพร่เชื้อ รวมถึงป้องกันมะเร็งที่เกิดจาก HPV

ถาม: หูดหงอนไก่เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ไหม?
ตอบ: ส่วนใหญ่ไม่รุนแรง แต่หากรอยโรคใหญ่หรืออยู่ใกล้ช่องคลอด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการคลอดอย่างปลอดภัย




ผลกระทบของการติดเชื้อ HPV ระยะยาว

แม้หลายคนจะมองว่าเชื้อ HPV เป็นแค่เรื่องของ “หูด” แต่ความจริงแล้วเชื้อนี้สามารถส่งผลกระทบได้มากกว่าที่คิด โดยเฉพาะสายพันธุ์เสี่ยงสูง

  • ในผู้หญิง:
    เชื้อ HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 เป็นสาเหตุสำคัญของ “มะเร็งปากมดลูก” ซึ่งถือเป็นมะเร็งที่พบมากอันดับต้น ๆ ของผู้หญิงไทย
  • ในผู้ชาย:
    อาจก่อให้เกิด “มะเร็งองคชาต” หรือ “มะเร็งทวารหนัก” โดยเฉพาะในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักบ่อย
  • ในทั้งสองเพศ:
    เชื้อ HPV บางสายพันธุ์สัมพันธ์กับ “มะเร็งลำคอ” หรือ “มะเร็งช่องปาก” จากการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก

หากได้รับวัคซีนและตรวจคัดกรองเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงเหล่านี้ได้อย่างมาก


ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย

“หูดหงอนไก่ไม่ต้องรักษาก็หายเองได้”
➡️ ความจริง: แม้บางรายอาการจะดีขึ้นเอง แต่เชื้อยังคงอยู่และสามารถแพร่ต่อให้ผู้อื่นได้

“ฉีดวัคซีนแล้ว ไม่ต้องใช้ถุงยางได้”
➡️ ความจริง: วัคซีนช่วยลดความเสี่ยงจากบางสายพันธุ์เท่านั้น การใช้ถุงยางยังจำเป็นต่อการป้องกันโรคทางเพศอื่น ๆ

“เป็น HPV แปลว่าเป็นมะเร็งแน่นอน”
➡️ ความจริง: ไม่ใช่ทุกสายพันธุ์จะก่อมะเร็ง แต่การตรวจและดูแลอย่างต่อเนื่องจะช่วยลดความเสี่ยงได้เกือบทั้งหมด


การดูแลหลังการรักษา
  1. ดูแลสุขภาพทั่วไปให้แข็งแรง
  2. พักผ่อนให้เพียงพอ
  3. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  5. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ขณะรักษา เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
  6. ตรวจติดตามผลหลังรักษา ตามนัดของแพทย์ เพื่อดูว่ามีการกลับเป็นซ้ำหรือไม่
  7. พูดคุยกับคู่ครองอย่างตรงไปตรงมา เพราะการดูแลร่วมกันจะช่วยป้องกันการติดซ้ำได้ดีที่สุด


สรุปท้ายบทความ

เชื้อ HPV และหูดหงอนไก่ไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม แม้จะไม่รุนแรงในระยะแรก แต่สามารถนำไปสู่โรคร้ายแรงได้หากละเลย การฉีดวัคซีน การใช้ถุงยาง และการตรวจสุขภาพทางเพศอย่างสม่ำเสมอคือวิธีดูแลตนเองที่ดีที่สุด

💡 สุขภาพทางเพศที่ดีเริ่มจาก “ความเข้าใจ” และ “การป้องกันที่ถูกต้อง” เพราะการรู้ก่อน…ปลอดภัยกว่าเสมอ

Share

facebookline